top of page

Safe Haven

เมื่อโลกเก่าล่มสลายลง ก็ได้เกิดยุคใหม่ หรือ New Age ขึ้น มนุษย์พยายามเอาตัวรอดจากธรรมชาติอันโหดร้าย และการคัดสรรที่เป็นไปอย่างเที่ยงตรง

 

ภายในสถานที่หลบภัยถูกเรียกว่า ‘Safe Haven’ ปกครองโดย เอวา แฮนลีย์ อดีตทหารหญิงฝีมือฉกาจ เธอเป็นหนึ่งในผู้นำการอพยพประชาชนจำนวนมาก นำฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ท่ามกลางความสิ้นหวัง โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลไม่อาจช่วยเหลือใด ๆ ในการโยกย้ายผู้คนเข้าที่หลบภัย เอวานำกองกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้าคุ้มครองประชาชน ต่อต้านภัยอันตราย และก่อตั้ง Safe Haven ขึ้นในชั้นหลบภัยใต้ดิน

แม้จะมีแหล่งหลบภัยมากมายทั่วโลก แต่ Safe Haven ได้รับความไว้วางใจในเรื่องความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดี มีทหารและนักวิทยาศาสตร์ร่วมระดมสมอง คิดหาวิธีต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

 

แต่แล้ว...ทุกอย่างย่อมไม่ยั่งยืน

บาซ หัวหน้าแผนกเสบียงเข้าแจ้งข่าวอย่างลับ ๆ เสบียงใน SH กำลังจะหมด ที่เหลืออยู่มีไม่เพียงพอต่อทุกคนในระยะยาว เกษตรกรรมชั้นใต้ดินเป็นไปอย่างเชื่องช้าเกินควร รวมถึงเนื้อสัตว์ที่ลดลง

ดุค นายแพทย์ประจำแผนกสาธารณสุข กล่าวถึงจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น เด็กที่เกิดใหม่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ประจวบเหมาะกับไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอ ทำให้ร่างกายคนยุคใหม่มีโรคประจำตัว

แผนกปกครอง เห็นว่าสถานที่แห่งนี้อาจไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้ตลอดไปอย่างที่ตั้งเป้า คำสั่งประกาศบอกออกไป เหล่านักบุกเบิกและนักสำรวจทำงานหนักขึ้น ได้เวลาที่ประตูบานใหญ่จะถูกเปิดออก ได้เวลาตรวจสอบว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายไปหลายสิบปี บนภาคพื้นดินได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง มนุษย์สามารถกลับไปอาศัยอยู่ได้...

 

หรือไม่?

ภาคพื้นดิน และโลกภายนอก

โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยสารเคมี สารกัมตภาพรังสี ผลของการเผาไหม้เชื้อเพลิง มีสารพิษปะปนอยู่ในอากาศ มีหมอกพิษที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกที่จนทำให้มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป จึงจำต้องย้ายลงใต้ดินและก่อให้เกิด Safe Haven

 

Safe Haven ตั้งอยู่ในพิกัดทวีปอมริกาเหนือ ณ โลกเก่า ในพื้นที่ที่เคยเป็นประเทศแคนาดาด้วยเป็นภูมิประเทศที่ประสบกับภัยพิบัติน้อยที่สุด ณ เวลานั้น มีรายงานว่าอาจจะมีศูนย์อพยพอื่นอยู่ในที่ต่างๆใต้ผืนโลก แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งได้ ไม่มีการสื่อสารและติดต่อกัน

 

บนพื้นดิน ไม่มีพบสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์รู้จักเหลืออยู่อีกต่อไป มนุษย์ สัตว์ และพืชที่อยู่บนดินโดยไร้การป้องกันเกิน 1 ชม. จนได้รับพิษของสารกัมตภาพรังสีที่หลงเหลืออยู่จนทำให้เกิดการกลายพันธุ์

 

การกลายพันธุ์ไม่มีข้อกำหนดตายตัว บางทีอาจทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นดุร้ายขึ้น หรือติดพิษ และตายลงไป ยังไม่มีข้อมูลที่แน่นอน

 

ก่อนที่จะมีการก่อตั้ง Safe Haven และอพยพประชากรลงใต้ดิน พบมนุษย์กลายพันธุ์ มีความดุร้าย ไวต่อเสียง ไม่มีความคิดหลงเหลือ มีร่างกายเน่าเปื่อย กำจัดง่าย เมื่อก่อตั้ง Safe Haven แล้ว นักสำรวจยุคเริ่มต้นยังพบมนุษย์กลายพันธุ์มาก แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าปัจจุบันมีจำนวนเท่าไหร่

 

ทางทีมแพทย์รายงานเมื่อมนุษย์เป็นๆถูกกัดหรือถูกสร้างบาดแผล แผลจะเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง มีอาการเจ็บแสบ เนื้อบริเวณแผลถูกกัดกร่อน จำเป็นต้องได้น้ำสะอาด หรือน้ำยาล้างแผลโดยเร็ว เคราะห์ยังดีที่ไม่สามารถทำให้กลายพันธุ์ได้

 

ต้นไม้ พืชพันธุ์ต่างๆ ค่อนข้างแยกง่ายว่าต้นไหนเป็นพิษหรือต้นไหนปลอดภัย ต้นไม้ที่กลายพันธุ์จะมีลักษณะแปลกตากว่าปกติ ลำต้นบิดเบี้ยว ใบใหญ่ผิดปกติ ต้นไม้กลายพันธุ์จะไม่เคลื่อนไหวเอง แต่จะคายอากาศพิษออกมายามกลางคืน เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ ผลไม่สามารถกินได้

 

สัตว์ส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นหมอกพิษ บ้างดุร้าย บ้างกลายพันธุ์จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม มีลักษณะระแวดระวังภัยนำความหิวกระหาย

 

อากาศบนภาคพื้นดินแห้งแล้ง และเต็มไปด้วยหมอกพิษ ทำให้ผู้ที่อยู่บนพื้นดินหิวน้ำ (อาจจะด้วยสารกัมมันตรังสี) ไม่สามารถดื่มน้ำที่ผุดขึ้นมาบนดินได้ ต้องใช้น้ำบาดาลเท่านั้น

 

ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่เกิดจากการบอกเล่าของประชากรรุ่นแรก ข้อมูลนี้อาจจะคลาดเคลื่อนเนื่องจากเวลาได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ทั้งนี้ข้อมูลใดๆเกี่ยวกับโลกภายนอกอาจเพิ่มขึ้นได้อาศัยความร่วมมือของเหล่าผู้บุกเบิก และผู้สำรวจ

ภาคพื้นดิน และโลกภายนอก

ภาคพื้นดิน และโลกภายนอก

โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยสารเคมี สารกัมมันตภาพรังสี ผลของการเผาไหม้เชื้อเพลิง มีสารพิษปะปนอยู่ในอากาศ หมอกพิษที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป จำต้องย้ายลงไปใต้ดินและก่อให้เกิด Safe Haven

 

Safe Haven ตั้งอยู่ในพิกัดทวีปอเมริกาเหนือ ณ โลกเก่า ในพื้นที่ที่เคยเป็นประเทศแคนาดาด้วยเป็นภูมิประเทศที่ประสบกับภัยพิบัติน้อยที่สุด ณ เวลานั้น มีรายงานว่าอาจจะมีศูนย์อพยพอื่นอยู่ในที่ต่าง ๆ ใต้ผืนโลก แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งได้ ไม่มีการสื่อสารและติดต่อกัน

 

บนพื้นดิน แทบไม่พบสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์เคยรู้จักเหลืออยู่ มนุษย์ สัตว์ และพืชที่อยู่บนดินโดยไร้การป้องกันเกิน 1 ชม. จะได้รับพิษของสารกัมมันตภาพรังสีที่หลงเหลืออยู่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตจะกลายเป็นไวรัส ทำให้ระบบในร่างกายเกิดความผิดปกติ หากไม่รีบรักษาอาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์

 

การกลายพันธุ์ไม่มีข้อกำหนดตายตัว บางทีอาจทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นดุร้ายขึ้น หรือติดพิษ และเสียชีวิตลงไป ยังไม่มีข้อมูลที่แน่นอน

 

ก่อนที่จะมีการก่อตั้ง Safe Haven และอพยพประชากรลงใต้ดิน พบมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีความดุร้าย ไวต่อเสียง ไม่มีความคิดหลงเหลือ ร่างกายคล้ายจะเน่าเปื่อย กำจัดง่าย และเมื่อก่อตั้ง Safe Haven แล้ว นักสำรวจยุคเริ่มต้นยังพบมนุษย์กลายพันธุ์อยู่จำนวนมาก แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าปัจจุบันมีจำนวนเท่าไหร่

ทางทีมแพทย์รายงานเมื่อมนุษย์ที่ยังมีชีวิต ถูกกัดหรือถูกสร้างบาดแผล แผลจะเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง มีอาการเจ็บแสบ เนื้อบริเวณปากแผลถูกกัดกร่อนจากเชื้อ จำเป็นต้องได้น้ำสะอาด หรือน้ำยาล้างแผลโดยเร็ว เคราะห์ยังดีที่ไม่สามารถทำให้กลายพันธุ์ได้ในเวลารวดเร็ว

 

ต้นไม้ พืชพันธุ์ต่าง ๆ ค่อนข้างแยกด้วยตาเปล่าได้ ว่าต้นไหนกลายพันธุ์หรือต้นไหนปกติ ต้นไม้ที่กลายพันธุ์จะมีลักษณะผิดปกติกว่าที่ควร บ้างลำต้นบิดเบี้ยว ใบใหญ่โตผิดปกติ เกิดสีผิดธรรมชาติ แต่ต้นไม้กลายพันธุ์จะไม่มีเคลื่อนไหว หรือบางทีก็ไม่ใช่การกลายพันธุ์ไปในทางเลวร้าย ไม้บางชนิดสามารถนำมาสกัดเป็นยาได้ แต่ต้นไม้เหล่านี้จะคายอากาศพิษออกมายามกลางคืน เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ

 

สัตว์ส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นหมอกพิษ บ้างดุร้ายขึ้น บ้างกลายพันธุ์จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม มีลักษณะระแวดระวังภัยนำความหิวกระหาย

 

อากาศบนภาคพื้นดินแห้งแล้ง บางพื้นที่เต็มไปด้วยหมอกพิษ ทำให้ผู้ที่อยู่บนพื้นดินหิวน้ำ (อาจจะด้วยสารกัมมันตรังสี) แต่ไม่สามารถดื่มน้ำที่ผุดขึ้นมาบนดินได้ ต้องใช้น้ำบาดาลเท่านั้น

ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่เกิดจากการบอกเล่าของประชากรรุ่นแรก ปัจจุบันอาจมีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากเวลาได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ทั้งนี้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับโลกภายนอกอาจเพิ่มขึ้นได้ หากอาศัยความร่วมมือของเหล่านักบุกเบิก และนักสำรวจ

Mt01.jpg
MT03.jpg
MT21.jpg
MT07.jpg
lerthbridge
โครงสร้าง และแผนที่

01/

ประตูสู่โลกภายนอก - เขตหวงห้ามสำหรับพลเรือน

มีประตูขนาดใหญ่และทางออกสู่โลกภายนอก เป็นเขตหวงห้ามสำหรับพลเรือน โดยต้องการป้องกันไม่ให้มีการเปิดประตูก่อนได้รับอนุญาต เป็นกังวลว่าอาจเกิดอันตราย หรือเกิดการติดเชื้อที่ไม่สามารถควบคุมได้ 

02/

แผนกบุกเบิก และสำรวจ

ที่ตั้ง และห้องทำงานแผนกบุกเบิก และสำรวจ ประกอบไปด้วยห้องทำงาน ลานฝึกซ้อมอาวุธ ห้องวิจัย โกดังเก็บอาวุธ และสิ่งประดิษฐ์

03/

แผนกปกครอง และแผนกดูแลพลเรือน

สถานที่ตั้งแผนกปกครอง และแผนกดูแลพลเรือน สองแผนกที่นั่งทำงานอยู่ด้วยกันมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเอกสารอยู่บ่อยๆ ทั้งชั้นเต็มไปด้วยห้องทำงานนั่งโต๊ะ ห้องประชุม ห้องเก็บเอกสารจากโลกยุคเก่า และส่วนพักผ่อนรวม

04/

สถานศึกษา

โรงเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย (ใน SH ไม่มีมหาวิทยาลัย) สถานที่ที่เด็กและเยาวชนใน SH อยู่ มีสนามเด็กเล่น สนามกีฬาหลายชนิดเพื่อพัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อ และลานกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ 

05/

จัตุรัส ลานประชุมรวม ย่านพักผ่อนหย่อนใจ และโรงอาหาร

สถานที่บันเทิงแห่งเดียวใน SH ใจกลางชั้นมีลานจัตุรัส ซึ่งเป็นที่รวมตัวในการประชุมทุกวันศุกร์​ นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่จัดงานเทศกาลอีกด้วย ในส่วนอื่น ๆ มีโรงภาพยนตร์ บาร์ ร้านกาแฟ ฯลฯ ของทั้งหมดที่สามารถซื้อได้ในชั้นนี้ถือเป็นของฟุ่มเฟือยไม่มีแจก จำเป็นต้องทำงานหาเงินมาซื้อเท่านั้น โรงอาหาร เสิร์ฟอาหารที่ถือเป็นสวัสดิการพื้นฐานของประชากรใน SH ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน

06/

แผนกสวัสดิการ และการเกษตร  
โกดังเก็บทรัพยากรอาหาร และห้องครัว

ส่วนย่อยของแผนกสวัสดิการ และการเกษตร ทั้งชั้นถูกแบ่งย่อยเป็นหลายโกดัง กักเก็บทรัพยากรที่ได้มาจากการเกษตร หรือการทดลองทางอาหาร วัตถุดิบจะถูกส่งตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ชั้นเดียว ก่อนที่จะส่งไปโรงอาหารกลาง และส่วนต่าง ๆ ใน SH

07/

แผนกสวัสดิการ และการเกษตร  ร่วมกับแผนกสาธารณะสุข - ฝ่ายวิจัยอาหาร และยา

ส่วนย่อยของแผนกสวัสดิการ และการเกษตร และร่วมกับแผนกสาธารณสุขเพื่อการวิจัยทางอาหารและยา มีแปลงพืช และสมุนไพรย่อย มีห้องทดลองมากมายเกี่ยวกับโภชนพันธุศาสตร์ ฯลฯ

08/

แผนกสาธารณสุข - โรงพยาบาล และฝ่ายวิจัยโรค

ที่ตั้งของสถานพยาบาลแห่งเดียวใน SH ถูกแบ่งเป็นหลายฝ่ายย่อยเพื่อดูแล รักษาผู้ป่วยกับโรคหลาย ๆ ชนิด มีการตั้งห้องวิจัยโรคที่อุบัติขึ้น มีการสื่อสารเป็นระยะกับนักโภชนาการในฝ่ายวิจัยอาหาร และยา

09-19/

เขตที่อยู่อาศัย

ห้องพักของประชากรทุกคนใน SH มีการแบ่งเป็นสัดส่วนของแต่ละครอบครัว ดูรายละเอียดการแบ่งเพิ่มเติมในหมวดที่อยู่อาศัย แต่ละชั้นมีการตกแต่งเหมือนกันหมด เขตที่อยู่อาศัยจะถูกสุ่มโดยแผนกดูแลพลเรือน หากต้องการเปลี่ยนให้ยื่นเรื่องกับแผนกเอง

20-27/

แผนกสวัสดิการ และการเกษตร -
แปลงผัก และฟาร์มเลี้ยงสัตว์

พื้นที่หลักในการผลิตทรัพยากรอาหาร เป็นพื้นที่ในความดูแลของแผนกสวัสดิการ และการเกษตร ไม่แนะนำให้เข้าใกล้ก่อนได้รับอนุญาต ชาวแผนกค่อนข้างจะหวงพื้นที่ และไม่เป็นมิตรต่อทุกคนที่พยายามจะขโมยผลผลิต

28/

สถานที่กักกัน

สำหรับผู้กระทำความผิด และผู้ที่ละเมิดกฎของ SH

30/

แหล่งพลังงาน

ที่ผลิตพลังงานทั้งหมดที่ใช้ใน SH เป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พื้นที่อันตราย ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต

โครงสร้าง และแผนที่ Safe Haven

Safe Haven นั้นเดิมเป็นโครงการวิจัยเพื่อการอยู่รอดของมนุษย์ในยุคโลกล่มสลาย หลังจากที่ผลของการบุกเบิกทางอวกาศเพื่อหาดาวเคราะห์ใหม่นั้นไม่เป็นที่น่าพอใจ โครงการนี้เกิดจากการร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์หลายต่อหลายแขนง ทั้งทางเกษตรกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงาน ธรณีวิทยา ฯลฯ

 

โครงสร้างของ Safe Haven นั้นหยั่งรากลึกลงไปใต้ผืนดิน ไม่มีส่วนใดของ ‘อาคาร’ โผล่ขึ้นมาบนพื้น ตัวอาคารมีความลึกประมาณ 150 เมตร ขณะนี้ถึงแม้ว่าจะมีประชากรเพิ่มขึ้น และมีเสียงเรียกร้องให้ขยายพื้นที่ แต่ก็ยังไม่มีแผนที่จะขุดลึกลงไปอีกเพราะปัญหาทางทรัพยากร ความร้อน และการพบเจอชั้นหินแข็งขณะขุด

Safe Haven แบ่งเป็นหลาย ๆ ชั้น โดยที่ความสูงของแต่ละชั้นคือ 3 เมตร

รายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละสถานที่สามารถดูได้ในหมวดอื่น ๆ

สังคม กฎหมาย และความเป็นอยู่โดยรวม

ความเป็นอยู่ใน Safe Haven โดยเริ่มต้นค่อนข้างลำบาก เพราะทรัพยากรที่มีอยู่น้อย (เมื่อครั้งอพยพลงมาเกิดขึ้นโดยกะทันหัน ทำให้ไม่มีการเตรียมตัวเพื่อรองรับประชากรจำนวนมหาศาล) ในยุคเริ่มต้นมีการระบาดของโรคทำให้ประชากรเกินกว่าครึ่งเสียชีวิตไป ในปัจจุบันสามารถคิดค้นยาขึ้นมาได้แล้ว และมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค

 

ราว 5 - 10 ปีหลังจากการอพยพ ความเป็นอยู่ใน Safe Haven ดีขึ้นตามลำดับ มีการจัดสรรปันส่วน สร้างระบบ และวิจัยเพื่อความอยู่รอดของทุกคน ประชากรทุกคนมีอุดมการณ์ในการช่วยเหลือพวกพ้อง แต่แน่นอนในทุกสังคมก็ย่อมมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยปะปนกันไป ทุกคนพยายามอย่างสุดความสามารถในการมีชีวิตรอด

 

เอวา แฮนลีย์ ผู้นำการอพยพ และคณะถูกยกย่องให้เป็นผู้ก่อตั้ง พวกเธอเป็นผู้ปกครอง Safe Haven มีหน้าที่วางแผน ปกป้อง คุ้มครอง และดำรงการมีอยู่ของกฎหมาย

 

กฎหมายของ Safe Haven นั้นคล้ายคลึงกับกฎหมายบนโลกยุคก่อนล่มสลาย แต่จะมีข้อกำหนดพิเศษเพื่อควบคุมประชากร และทรัพยากร เช่น

  • ไม่อนุญาตให้ครอบครัวมีบุตร เกินกว่า 2 คน

  • ห้ามมิให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง และใช้ความรุนแรงต่อเพื่อนประชากรด้วยกัน

  • อาหาร และยารักษาโรคเป็นสิ่งมีค่า และหมดไปได้ ขอให้ประชากรทุกท่านตรึกตรองให้ดีก่อนที่จะใช้อย่างสิ้นเปลือง

 

สังคม Safe Haven ยกย่องผู้มีความสามารถ และตระหนักว่าทุกคนย่อมมีหน้าที่ของตน จึงนิยมให้แต่ละคนเลือกทางเดินเป็นของตนเอง

 

แม้ว่าสังคม Safe Haven จะดูเหมือนยูโทเปีย มีความโปร่งใส และมีความเท่าเทียมกันในทุกลำดับชั้น แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงของข้อมูลอยู่ เพราะเป็นสังคมปิด มีความกดดันด้วยสภาพความเป็นอยู่ และมีทรัพยากรจำกัด ชนชั้นผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในแต่ละฝ่ายย่อมรู้ถึงปัญหาดี แต่ทุกคนไม่อยากให้เกิดการจราจล และต้องการรักษาแนวคิดและอุดมการณ์ในตัวประชากรทุกคน เลยทำให้ข้อมูล และปัญหาบางส่วนนั้นไม่เผยแพร่ในวงกว้าง จะรู้เพียงสายงานที่เกิดปัญหานั้น ๆ เท่านั้น

 

เพราะความเป็นอยู่มีความกดดันสูง จึงจัดให้มีการตรวจสอบสุขภาพจิต ด้วยแบบทดสอบทุก ๆ ปี ทุกคนจะต้องทำแบบทดสอบ ประชากรอายุต่ำกว่า 20 ปี นอกจากจะได้รับการทดสอบสุขภาพจิต ยังได้รับการทดสอบความสามารถ และวิชาการด้วย

 

ชีวิตในแต่ละวันของประชากรนั้นแตกต่างกันไปตามหน้าที่ มีการเข้ากะต่างเวลา มีการใช้วิถีชีวิตที่ต่างกันไป แต่ทุกคนใน Safe Haven จะต้องเข้าประชุมรวมอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ทุกวันศุกร์เวลา 17.00) เพื่อรับข่าวสาร และมีงานเทศกาลเพื่อผ่อนคลายปีละไม่เกิน 3 ครั้ง (หากไม่สนใจ ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมได้)

 

ประชากรใน Safe Haven มีราว ๆ ไม่เกิน 1 แสนคน

สังคม กฏหมาย และความเป็นอยู่โดยรวม

เด็ก และเยาวชน - โรงเรียน

เด็ก และเยาวชนในที่นี้คือประชากรที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี เด็กแต่ละคนจะต้องเข้าเรียน อ้างอิงการเข้าเรียนตามแบบแผนการศึกษาในทวีปอเมริกาเหนือโลกปัจจุบัน

 

Safe Haven มีโรงเรียนแห่งเดียว สอนตั้งแต่ชั้นประถม ถึงมัธยม ไม่มีมหาวิทยาลัย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้าง มีที่ให้ฝึกทักษะในหลาย ๆ แขนง คณะผู้ก่อตั้งเชื่อในการลงทุนต่อประชากรเด็กเพื่อความยั่งยืนของสังคมในอนาคต

 

เมื่อจบการศึกษา (อายุราว 17-18 ปี) นักเรียนแต่ละคนสามารถเลือกไปฝึกงานในแต่ละสายงานของ Safe Haven ได้ หรือเลือกทำงานจิปาถะกับทางโรงเรียนต่อก่อนอายุ 20 ปี (บรรลุนิติภาวะ) เพื่อที่จะได้มีเวลาเลือกสถานที่ทำงานอีกที

 

เด็กทุกคนจะต้องทำแบบทดสอบสุขภาพจิต ควบคู่กับแบบทดสอบความสามารถ (วิชาการ และสมรรถภาพ ความแข็งแรงของร่างกาย) ทุก ๆ ปี ผลของแบบทดสอบจะถูกส่งไปยังครอบครัวที่ลงทะเบียนไว้ และแผนกดูแลพลเรือน

 

ในปัจจุบัน ประชากรเด็กคิดเป็น 12 - 17% ของประชากรทั้งหมด เนื่องจากการควบคุมจำนวนการเกิด แต่อาจเกิดปัญหาสังคมสูงวัยในภายภาคหน้า

ผู้ใหญ่ - งาน และการจัดสรรทรัพยากร

เมื่อบรรลุนิติภาวะ (20 ปี) ประชากรแต่ละคนจะถูกเรียกมารายงานตัวที่แผนกดูแลพลเรือน เพื่อแจ้งความประสงค์ในการรับหน้าที่ หรืองาน หากไม่มีหน้าที่ใดที่สนใจเป็นพิเศษจะได้รับการมอบหมายหน้าที่ให้ โดยการมอบหมายนั้นทำโดยการอ้างอิงถึงผลตรวจสุขภาพจิต

ประชากรทุกคนที่มีงาน และหน้าที่จะต้องทำงาน 40 ชม.ต่ออาทิตย์ ใช้ระบบลงเวลา สามารถปรับเวลาการเข้างาน ลดและเพิ่มแต่ละวัน หรือแต่ละอาทิตย์ได้ด้วยการทำงานทดแทนวันอื่น เวลาทำงานไม่รวมเวลาเดินทาง และเวลาอาหารกลางวัน หากเจ็บป่วยสามารถหยุดงาน และลดชม.ทำงานได้ตามใบสั่งของแพทย์

 

ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากงาน ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง จะมีแพทย์มาตรวจ และมอบหมายงานที่สามารถทำได้ด้วยสภาพร่างกายที่มีอยู่

ประชากรที่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับเงิน หรือของตอบแทน สิ่งตอบแทนทั้งหมดจะต้องอยู่บนบรรทัดฐานที่กำหนดไว้ และทุกคนจะต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน

หากทำงาน หรือได้รับหน้าที่ที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต และมีการเสียสละที่มากกว่ามาตรฐาน จะได้รับการลดหย่อนในชั่วโมงทำงาน (สามารถทำงานน้อยกว่า 40 ชม.ได้)

สามารถเปลี่ยนงานได้ โดยแจ้งกับแผนกดูแลพลเรือน และหัวหน้างาน อนึ่งการเปลี่ยนงาน ผู้ยื่นคำขอต้องมีเวลาในการทำงานที่เดิมสะสมมากกว่า 3 อาทิตย์ 

ประชากรวัยทำงานมีราว 60% และประชากรวัยชราไม่เกิน 20%

เด็ก และผู้ใหญ่

อาหาร การกิน

ที่อยู่อาศัย

ตามกฎหมายแล้วประชากรใน Safe Haven จะได้รับพื้นที่อยู่อาศัยอย่างเท่าเทียมกันทุกคน เมื่อลงทะเบียนประชากร และได้รับเลขประจำตัวแล้วทุกคนจะได้รับการจัดสรรพื้นที่ของตัวเองโดยอัตโนมัติ

  • เด็กเล็ก และเยาวชนจะได้รับพื้นที่ ราว 7 ตร.ม

  • ผู้ใหญ่ (อายุ 20+) จะได้รับพื้นที่ ราว 13 ตร.ม

 

ทุกคนจะได้รับพื้นที่เท่ากัน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอะไรก็ตาม

 

สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และโอนกรรมสิทธิ์ถือครองพื้นที่ได้

 

ประชากรที่มีครอบครัว สามารถเลือกรวมพื้นที่ของคนในครอบครัวได้ ตัวอย่าง :

  • ครอบครัว พ่อ แม่ และลูก 1 คน (อายุต่ำกว่า 20 ปี) เมื่อนำมารวมจะได้ : 13+13+7 = 33 ตร.ม.

 

หากต้องการรวมพื้นที่เพื่อสร้างครอบครัว หรือแยกออกจากครอบครัว จะต้องแจ้งแก่แผนกดูแลพลเรือน เพื่ออัพเดทข้อมูลที่อยู่ จะได้ไม่มีปัญหาต่อการติดต่อ และส่งข้อมูล

 

ขณะนี้ Safe Haven กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่อยู่อาศัย มีการประกาศเรื่องลดพื้นที่สำหรับประชากรแต่ละคน มีประชากรหลายกลุ่มไม่พอใจ ยังไม่มีการตัดสินเป็นกฎอย่างแน่ชัดเรื่องลดพื้นที่

ภาษา

Safe Haven เป็นที่รวมตัวของผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ปรากฏในแผนที่ตอนนี้ มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเก่ามารวมกันอยู่ เพื่อเป็นการลดความยุ่งยากต่อการปกครองและการสื่อสาร ภาษาอังกฤษจึงถูกตั้งเป็นภาษาราชการ

 

มีการใช้ภาษาถิ่นในบางครอบครัว ไม่แปลกถ้าหากพ่อหรือแม่จะสอนภาษาถิ่นของตนให้กับลูกเพื่อรักษาวัฒนธรรม

 

ไม่มีข้อห้ามใด ๆ ต่อการใช้ภาษาท้องถิ่น หรือการสืบทอดวัฒนธรรมภายในครอบครัว

การซื้อขาย และแลกเปลี่ยน

ศาสนา

ด้วยเหตุผลเดียวกับกันภาษา เมื่อมีผู้คนจากหลากหลายชาติพันธุ์ทำให้มีความหลากหลายทางความเชื่อเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ไม่มีการห้ามใด ๆ ด้านความเชื่อ ผู้คนใน Safe Haven ล้วนต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

 

แต่การนับถือศาสนาของบุคคลใดก็ตามใน Safe Haven จำต้องไม่นำพาความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานใดก็ตามใน Safe Haven

 

ห้ามมิให้มีการเผยแพร่ศาสนาในวงกว้าง หรือจัดตั้งลัทธิ

 

มีหลายคนที่นับถือศาสนาคริสต์ในนิกายที่แตกต่างกันไป แต่ประชากรจำนวนมากก็กลายเป็นคนไร้ศาสนาเนื่องจากการเสื่อมทางความเชื่อเมื่อยุคที่ต้องอพยพ

ประชากรทุกคนจะมีบัญชี ซึ่งผูกติดอยู่กับบัตรประจำตัว ประชากรที่ไม่ทำงานจะไม่ได้เงิน และการจัดสรรทรัพยากร

 

กระนั้นใน Safe Haven จะไม่ค่อยมีการใช้เงินตรา เนื่องจากทุกคนได้รับการจัดสรรอาหาร เสื้อผ้า ยา และที่อยู่อาศัยอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เกิดความจำเป็นที่ต้องใช้เงินเพื่อให้ได้มาเท่าไหร่นัก แต่จะมีการแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ หรือใช้จ่ายค่าซ่อมแซมสิ่งของแทน

 

ประชากรทุกคนสามารถหาเงินได้จากงาน และหน้าที่ที่ตนเองทำ เงินที่ได้มาสามารถนำไปแลกอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (ไม่ใช่ปัจจัยสี่) แต่ใช้เพื่อความสบายใจได้ เช่น กาแฟ น้ำตาล บุหรี่ ฯลฯ

เทคโนโลยี การสื่อสาร และการคมนาคม

เทคโนโลยีที่ใช้ใน Safe Haven คล้ายคลึงกับเทคโนโลยีในโลกยุคก่อนล่มสลาย ถึงแม้จะเป็นช่วงยุคราวปี ค.ศ. 29xx แล้วก็ตาม ด้วยเมื่อก่อนที่จะอพยพลงมา โลกได้ประสบปัญหาการเสื่อมถอยของเทคโนโลยี ทรัพยากรที่ลดน้อยและภัยธรรมชาติ จึงมีการหยุดพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความสะดวก และเน้นไปทางเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการอยู่รอดมากกว่า

และเมื่ออพยพลงมาที่ Safe Haven ก็ยิ่งทำให้เทคโนโลยีเสื่อมถอยลงไปอีกเพราะไม่สามารถอพยพข้อมูล และเอกสารวิชาการลงมาได้ทั้งหมด มีการพยายามเสาะหานักวิจัยก่อนอพยพ แต่เพราะความกะทันหันจึงทำให้มีนักวิจัยจำนวนจำกัด และทำให้งานวิจัยหยุดชะงักลงเป็นเวลาหลายปี

 

มีการก่อตั้งศูนย์วิจัยภายใน Safe Haven จุดประสงค์ของการวิจัยทำไปเพื่อความอยู่รอด งบประมาณทั้งหมดถูกทุ่มลงไปกับการเกษตรกรรม โภชนาการอาหาร การแพทย์ และอาวุธเป็นอย่างสุดท้าย

 

พลังงานที่ใช้ใน Safe Haven มาจากพลังงานนิวเคลียร์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อยุคเริ่มต้น มีไฟฟ้าใช้ไม่ขาดแคลน แต่ก็มีการควบคุมและขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนใช้อย่างประหยัดอยู่เสมอ มีน้ำใช้ แต่ให้ใช้อย่างจำกัดเพราะสูบน้ำขึ้นมาจากบาดาล น้ำที่โผล่ขึ้นพื้นดินจะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

 

ในด้านการสื่อสาร ยังไม่มีรายงานว่าสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ ณ ปัจจุบัน การสื่อสารภายใน Safe Haven นิยมใช้โทรศัพท์มือถือ ประชากรแต่ละคนจะได้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน สามารถเลือกแบบได้ตามรสนิยมของผู้ใช้ มีแบบจอสัมผัส ฝาพับ หรือปุ่มกดใหญ่ ๆ เพื่อผู้สูงอายุ

 

เครื่องมือสื่อสารถูกใช้เป็นเครื่องมือทำงานเช่นกัน มีมาตรการลดการใช้กระดาษ กระดาษถือเป็นสิ่งมีค่า ห้ามไม่ให้มีการใช้ต้นไม้มาทำกระดาษ

 

การคมนาคมภายใน Safe Haven ใช้เป็นลิฟท์ในการเดินทางไปแต่ละชั้น แต่ทุกคนจะถูกขอให้ใช้บันได มีสัญลักษณ์ลดแคลอรี่ติดไว้ทั่วไปตามบันได เพื่อรณรงค์ลดความอ้วน และลดการใช้พลังงาน แต่ไม่ได้ห้ามการใช้ลิฟท์แต่อย่างใด

 

เมื่อต้องการเดินทางภายในแต่ละชั้น มีสกู๊ตเตอร์และสเก็ตบอร์ดสาธารณะให้ใช้ จะจอดไว้ตามทางขึ้นลงของลิฟท์ และบันได มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้งานแล้วไม่นำมาจอดที่เดิม อาจได้รับสายตาตำหนิจากประชากรร่วมชั้นได้ สามารถซื้อสกู๊ตเตอร์และสเก็ตบอร์ดเป็นของตนเองได้จากเงินที่ได้มา แต่ไม่นิยม

 

การคมนาคมภายนอก Safe Haven ยังไม่ปรากฏ

อาหารการกินภายใน Safe Haven ถูกดูแลโดยกลุ่มเกษตรกร และนักโภชนาการ ประชากรทุกคนจะได้รับอาหาร 3 มื้อต่อวัน สามารถเลือกรับอาหารได้ตามสถานที่ประชากรอยู่และสะดวก เช่น :

  • โรงอาหารกลาง

  • ที่ทำงาน

  • โรงเรียน

  • ที่อยู่อาศัยส่วนตัว

    • สำหรับที่อยู่อาศัยส่วนตัว ประชากรต้องไปที่จุดปล่อยอาหารใกล้ลิฟท์ หรือบันได เพื่อลดการใช้พลังงานในการส่งอาหาร

 

ประชากรสามารถเลือกจุดรับอาหารได้โดยการล็อกอินเข้าระบบพลเรือน และแจ้งในระบบวันต่อวัน หากไม่แจ้งภายในเวลาที่กำหนด (ก่อนเวลาอาหาร 3 ชม.) ประชากรท่านนั้นจะได้รับอาหารตามที่อยู่ที่เลือกในวันก่อนหน้า ประชากรสามารถล็อกอินได้โดยใช้สมาร์ทโฟน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน เทคโนโลยี)

 

อาหารใน Safe Haven ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยพืช ถั่ว และผัก ทุกมื้ออาหารจะประกอบไปด้วยมันฝรั่งเนื่องจากปลูกง่าย และใช้แสงน้อย พืชตระกูลถั่วถูกใช้ทดแทนโปรตีน มีเนื้อสัตว์แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อย (1:10) ถือเป็นของหรูหรา และหายาก จะได้กินหลังจากประชุมรวมประชากรทุกวันศุกร์ หรือโอกาสพิเศษ

อาหารการกิน
ที่อยู่อาศัย
ภาษา
ศาสนา
การซื้อขาย และแลกเปลี่ยน
เทคโนโลยี การสื่อสาร และการคมนาคม
bottom of page